๒. วันเดือนปีเกิด
สุนทรภู่เป็นกวีโบราณเพียงคนเดียวที่มีผู้จดวันเดือนปีเกิดไว้ แม้เวลาตกฟากก็จดไว้ด้วย ไม่ได้จดเปล่าๆ ยังผูกดวงชะตาไว้เป็นตำราโหาราศาสตร์ด้วย เพราะเหตุที่สุนทรภู่เป็นอัจฉริยบุรุษทางการกวี มีชีวิตโลดโผนพิสดารมาก ได้ดีแล้วก็ตกยาก รุ่มรวยคนรัก แต่คนรักให้โทษให้ทุกข์ ได้ดีเพราะเป็นกวีแต่ตกยากก็เพราะเป็นกวี บรรดาผู้สนใจในวิชาโหราศาสตร์ แม้เจ้านายก็สนใจจึงได้จดวันเดือนปีเกิดผูกดวงชะตาไว้ เข้าใจว่าสมเด็จกรมพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ เป็นผู้จดไว้แล้วผูกดวงชะตาดูว่า ดวงดาวอะไรให้คุณ จึงเกิดมาเป็นกวีมีชื่อเสียงโด่งดังนัก ดาวดาวอะไรให้คุณจึงเป็นกวีคนโปรดของพระเจ้าแผ่นดิน ดาวดาวอะไรให้คุณจึงเจ้าชู้มีคู่หลายคน ดาวดาวอะไรให้โทษจึงตกยาก พลัดพรากจากคู่ จากยศถาบรรดาศักดิ์ การผูกดวงชะตานี้โหรต้องรู้เวลาตกฟากด้วย จึงจะวางลัคนาหรือจุดกำเนิดได้ว่าอยู่ราศีอะไร มีฤกษ์ยามอย่างไร ฉนั้นเราจึงต้องขอบคุณโหราจารย์ คือ กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ ที่ทรงผูกดวงชะตาสุนทรภู่ไว้เป็นหลักฐาน ทำให้เราได้ทราาบวันเดือนปีเกิดของสุนทรภู่โดยแน่นอน และต้องขอบพระเดชพระคุณสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ทรงนำดวงชะตาสุนทรภู่มาเผยแพร่ให้รู้กันอย่างแพร่หลายทั่วไป ในดวงชะตาน้ันบอกไว้ด้วยว่า "สุนทรภู่ อาลักษณ์ขี้เมา" ทำให้เรานึกว่าสุนทรภู่เป็นคนขี้เหล้าเมายาถึงขนาดที่คนเอามาคุยกันสนุกปากว่า เวลาสุนทรภู่ดื่มเหล้าเมาแล้ว เสมียน ๒ คนซ้ายขวาก็จดคำกลอนที่สุนทรภู่คิดบอกให้จดไม่ทัน เพื่อแสดงว่าถ้าสุนทรภู่เมาแล้วหัวสมองแล่นอะไรทำนองน้ัน ดูจะเป็นสำนวนของนักเลงสุราอ้างสรรพคุณของสุรายาดองเสียมากกว่า ความจริงแล้วไม่มีหลักฐานใดยืนยันเลยว่าสุนทรภู่เมาเหล้า ถ้าดูตามชะตาแล้วอังคารศุกร์กุมลัคนาเสาร์ราหูเล็งเช่นนี้ น่าจะทำให้สุนทรภู่ "เมารัก เมาอักษร เมาบทกลอน เมาสตรี เมาตัวเมาตนเสียมากกว่า" คือ เมาอารมณ์ เมาใจภายในเสียมากกว่าเมาสุราสิ่งภายนอก
วันเกิดสุนทรภู่มีหลักฐานแน่ชัดว่า เกิดวันจันทร์ เดือน ๘ ขึ้น ๑ ค่ำ ปีมะเมีย จ.ศ. ๑๑๔๘ เวลา ๒ โมงเช้า ตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๙ ปีนี้นอกจากสุนทรภู่เกิดมาเป็นกวีแล้ว ยังมีเจ้าหญิงนักกวีอีกองค์หนึ่งเกิดมาเป็นกวีด้วย คือ พระองค์เจ้าหญิงกำภูฉัตร พระราชธิดาของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ผู้ทรงนิพนธ์เพลงยาวนิพพานวังหน้า
สุนทรภู่เกิด พ.ศ.๒๓๒๙ นับจนถึงปี พ.ศ. ๒๔๖๕ ที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงนิพนธ์ประวัติสุนทรภู่นั้น ก็เป็นเวลานานถึง ๑๓๖ ปี ถ้านับจากปีพ.ศ.๒๓๙๙ ที่สุนทรภู่ถึงอนิจกรรม (เราต้องใช้คำว่า อนิจกรรม เพราะท่านเป็นคุณพระ จางวางกรมพระอาลักษณ์ ศักดินา ๒๕๐๐ ไร่) ก็เป็นเวลา ๖๕ ปี ถ้านับถึงปี พ.ศ.๒๕๓๐ นี้ สุนทรภู่ก็เกิดมาในโลกนี้ ๒๐๑ ปี และจากโลกนี้ไปนานถึง ๑๓๑ ปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคนอ่านบทกวีของสุนทรภู่ จะรู้สึกว่าสุนทรภู่เกิดมาร่วมยุคร่วมสมัยเดียวกับเรา เพราะบทกวีของท่านมีเสน่ห์ติดใจคน ถึงใจคนยิ่งกว่ากวีอื่นใด บทกวีของท่านอบอวลไปด้วยอารมณ์กวี ใช้ถ้อยคำภาษาเป็นภาษาพูดธรรมดา เป็นบทกวีประเภท "บรรยายโวหาร" บรรยายให้เห็นภาพพจน์โดยเฉพาะคำกลอนนิราศ ท่่านบรรยายเหมือนสารคดีท่องเที่ยว บรรยายให้เห็นการเดินทางโดยตลอด ทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าเดินทางไปกับท่าน นิราศสุพรรณกับนิราศนรินทร์ที่มีคนว่า นิราศสุพรรณของสุนทรภู่ไพเราะสู้นิราศนรินทร์ไม่ได้นั้น ถ้าจะเปรียบเทียบกันแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่า นิราศนรินทร์เป็นประเภท "พรรณาโวหาร" พรรณนาแต่ความรักความอาลัย เป็นความเพ้อฝันตามอารมณ์ ไพเราะในแง่อักษรศาสตร์ก็จริง แต่อ่านจบแล้วก็มัวเต็มที มองไม่เห็นภาพพจน์เลย ว่าตัวท่านผู้นิพนธ์คือใคร ไปไหน เดินทางไปอย่างไร ไปกับใครบ้าง ถึงบ้านถึงเมืองไหนเป็นอย่างไร การเคลื่อนไหวในการเดินทางเป็นอย่างไร พร่ามัวเต็มที (เพราะกวีผู้แต่งนั้น เป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน เป็นจอมทัพ เดินทางไปอย่างเจ้านายสูงศักดิ์ ไม่ได้สัมผัสกับผู้คนผู้ร่วมคณะเดินทางอะไรนัก ไม่ได้สัมผัสกับผู้คนรายทางเลย เพราะท่านนักกวีเป็นถึงพระมหาอุปราชวังหน้า กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ทรงพระนิพนธ์ไว้ในนามของนายนรินทร์ธิเบศร์ (อิน) มหาดเล็ก ก็จำเป็นอยู่เองที่ต้องนิพนธ์แบบเพ้อฝันเช่นน้้น) แต่นิราศสุพรรณของสุนทรภู่ เป็นนิราศบรรยายโวหาร บรรยายไปตลอดทางให้เห็นภาพพจน์การเดินทางว่าไปกันอย่างไร พักที่ไหน พบใคร เป็นอย่างไร แม้แต่พบพระเตะตะกร้อ เล่นตีไก่ ท่านก็ได้บรรยายไว้ เพราะท่านเดินทางแบบชาวบ้าน ได้สัมผัสกับผู้คนร่วมคณะเดินทางและสัมผัสกับผู้คนระหว่างทางไปตลอด ท่านจึงแต่งนิราศสุพรรณแบบบรรยายโวหาร ทำให้เกิดความเป็นกันเองกับผู้อ่าน โดยเฉพาะนิราศคำกลอน ที่เป็นความแตกต่างกันกับนิราศประเภทพรรณนาโวหาร ถึงจะไพเราะแต่ก็ไม่เป็นกันเองกับอารมณ์คนอ่าน และไม่มีเสน่ห์ติดใจคนอ่านเหมือนคำกลอนสุนทรภู่ เพราะเหตุที่คำกลอนของสุนทรภู่มีเสน่ห์ติดใจคนนี่แหละ ทำให้ท่านเป็นกวีมีชื่อเสียง เป็นที่กล่าวขวัญกันมาก ทั้งสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่และถึงอนิจกรรมแล้วก็ยังดังอยู เป็นเหตให้โหราจารย์ต้องจดวันเดือนปีเกิดของสุนทรภู่ เราจึงต้องขอบพระคุณโหราจารย์โดยเฉพาะสมเด็จกรมพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ และสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ได้ทรงผูกดวงชะตาและเผยแพร่ดวงชะตาของสุนทรภู่ไว้ให้เราทั้งหลายได้รู้กันโดยแพร่หลาย จนอาจจะพูดได้ว่า ในหมู่นักศึกษาวรรณคดีไทย ใครไม่รู้วันเดือนปีเกิดของสุนทรภู่แล้ว ก็เรียกว่า ยังไม่ผุดเกิดในวงวรรณคดีทีเดียว
สำหรับข้าพเจ้านั้นขอขอบพระเดชพระคุณสมเด็จในกรมทั้งสองพระองค์เป็นอย่างสูง เพราะถ้าไม่ได้สองพระองค์วางพื้นฐานไว้แล้ว ก็ไม่สามารถจะเขียนเรื่องนี้ได้เลย งานเขียนเรื่องนี้ได้อาศัยพระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นพื้นฐานโดยตลอด
ข้างล่างนี้คือลักษณะดวงชะตาของสุนทรภู่ มหากวีผู้เมารัก เมาอักษร เมาตนจนเป็นมหากวีผู้ยิ่งใหญ่
สำหรับข้าพเจ้านั้นขอขอบพระเดชพระคุณสมเด็จในกรมทั้งสองพระองค์เป็นอย่างสูง เพราะถ้าไม่ได้สองพระองค์วางพื้นฐานไว้แล้ว ก็ไม่สามารถจะเขียนเรื่องนี้ได้เลย งานเขียนเรื่องนี้ได้อาศัยพระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นพื้นฐานโดยตลอด
ข้างล่างนี้คือลักษณะดวงชะตาของสุนทรภู่ มหากวีผู้เมารัก เมาอักษร เมาตนจนเป็นมหากวีผู้ยิ่งใหญ่
ลักษณะดวงชะตาอย่างนี้ ถ้าหากว่าใครมีความรู้ท่างโหราศาสตร์พอสถานประมาณแล้ว ก็จะรู้ได้ทันทีว่า ไม่ใช่ดวงชะตาของคนธรรมดา แต่เป็นดวงชะตาของ "พิเศษบุรุษ" มีเกียรติยศ มีชื่อเสียง เป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต เป็นคนเจ้าชู้ เจ้าอารมณ์ เจ้าแห่งความรัก เป็นศิลปิน แต่จะมีทุกข์ ยากจน พลัดพรากจากบิดามารดา และตำแหน่งหน้าที่ ส่วนว่าใครจะอ่านดวงได้ดีเพียงใด ก็อยู่ที่วิทยาปรีชาญาณและปฎิภาณของผู้นั้นเป็นคนๆ ไป แต่หลักวิชาโหราศาสตร์น้ันมีจริง
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น