วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ชีวประวัติพระสุนทรโวหาร (ภู่ ภู่เรือหงส์) ตอน ลำดับงานกวีนิพนธ์ของสุนทรภู่


ลำดับงานกวีนิพนธ์ของสุนทรภู่

     สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงบุกเบิกค้นคว้าเรื่องชีวิตและงานกวีนิพนธ์ของสุนทรภู่ไว้เมื่อพ.ศ. ๒๔๖๕ ว่าสุนทรภู่มีงานกวีนิพนธ์รม ๒๔ เรื่อง  บัดนี้เวลาล่วงเลยมา ๖๕ ปีแล้ว เราจำเป็นต้องปรับปรุงทฤษฎีของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสียใหม่ ว่างานกวีนิพนธ์ของสุนทรภู่ มีอยู่  ๒๑ เรื่อง คือเราจำเป็นต้องตัดออกเสีย ๕ เรื่อง และเพิ่มเรื่องใหม่อีก ๒ เรื่อง ดังต่อไปนี้คือ

    ๑. นิราศพระแท่นดงรัง ฉบับที่ขึ้นต้นว่า "นิราศรักหักในอาลัยหวน  ไปพระแท่นดงรังต้ังแต่ครวญ"  ว่าไม่ใช่สำนวนกลอนของสุนทรภู่  เป็นสำนวนกลอนของเสมียนมี  หรือหมื่นพรหมสมพัตศร(มี) หรือบัดนี้เรารู้จักกันในชื่อ นายมี มีระเสน ซึ่งเป็นศิษย์สุนทรภู่

   ๒. นิราศอิเหนา เราจำเป็นต้องตัดออกไป เพราะเหตุว่าสุนทรภู่แต่งนิราศ ไม่เคยขึ้นต้นกลอนว่า "นิราศ" เลยแม้แต่เรื่องเดียว  นิราศอิเหนานี้เป็นพระราชนิพนธ์ของกรมหลวงภูวเนตรนรินทร์ฤทธิ์ ซึ่งก็เป็นศิษย์สุนทรภู่  กรมหลวงภูวเนตรนรินทร์ฤทธิ์เป็นพระราชโอรสของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย 

   ๓. นิราศวัดเจ้าฟ้า  เราก็ต้องตัดออกไป  เพราะเหตุว่าผู้แต่งได้บอกชื่อตัวเองไว้อย่างชัดแจ้ง ผู้แต่งคือนายพัด ภู่เรือหงส์ ลูกชายสุนทรภู่ แต่งเมื่อพ.ศ. ๒๓๙๙ เมื่อนายพัด ภู่เรือหงส์ บวชเณรอยู่ มีอายุได้ ๑๙ ปีแล้ว นายภู่ ภู่เรือหงส์ เกิดเมื่อพ.ศ. ๒๓๖๑ นายภู่แต่งพรรณนาถึงเจ้าจอมมารดาทองอยู่ พระอัครชายาของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข  กรมพระอนุรักษ์เทเวศร์(ทองอิน)  ซึ่งได้รับพระราชทานเพลิงศพ เมื่อพ.ศ.๒๓๗๙ ที่วัดระฆัง

   ๔. สุภาษิตสอนหญิง เราจำเป็นต้องตัดออกไป  เพราะเหตุว่าสุนทรภู่แต่งกลอนไม่เคยไหว้ครูเลยแม้แต่เรื่องเดียว  สำนวนไหว้ครูที่ขึ้นต้นว่า "ประนมหัตถ์มัสการขึ้นเหนือเศียร  ต่างประทีบโกสุมประทุมเทียน" เป็นสำนวนกลอนของนายภู่ ลูกศิษย์สุนทรภู่ แต่งเรื่องอะไรก็ใช้สำนวนกลอนไหว้ครูอย่างนี้ทุกเรื่อง   นายภู่เคยบวชที่วัดสระเกศในรัชกาลที่ ๓ สึกออกมาในรัชกาลที่ ๔  เดิมเป็นพระธรรมทานาจารย์(ภู่) ทายาทของท่านได้รับนามสกุลพระราชทานว่า "จุลละภมร"  ด้วยสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าทรงทราบว่า นายภู่เป็นกวีชั้นรองสุนทรภู่  จึง ได้พระราชทานนามสกุลว่า "จุลละภมร"  แปลว่า "นายภู่น้อย"

   ๕. บทละครเรื่องอภัยนุราช  เรื่องนี้ก็ต้องตัดออก เพราะกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ทรงว่าเป็นบทกวีของพระยาเสนาภูเบศร์  ในรัชกาลที่ ๔ เป็นเจ้าของละคร  จึงแต่งละครให้เล่นกัน  ไม่ใช่แต่งสำหรับอ่านเล่นเช่นนิยายคำกลอนของสุนทรภู่ 

    ๖. สุภาษิตโลกนิติคำกลอน เป็นบทกวีอันมีคุณค่าของสุนทรภู่ คู่กับ "สุภาษิตโลกนิติคำโคลง" ของ กรมพระยาเดชาดิศร และแต่งในสมัยเดียวกันคือ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ แต่งเมื่อบวชอยู่วัดสระเกศระหว่างพ.ศ.๒๓๘๖ ถึงพ.ศ.๒๓๙๓ สุนทรภู่สึกในพ.ศ.๒๓๙๔ ในรัชกาลที่ ๔  มีราชทินนามตามบรรดาศักดิ์ว่า พระสุนทรโวหาร ตำแหน่งจางวางกรมพระอาลักษณ์  ไม่ใช่เจ้ากรม สุนทรภู่รับราชการอยู่วังหน้าจนถึงพ.ศ.๒๔๐๘  พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตแล้ว จึงออกไปอยู่บ้านสวนที่ฝั่งธนบุรี สุนทรภู่น่าจะถึงแก่กรรมในพ.ศ.๒๔๑๐ มีอายุได้ ๘๑ ปี  ไม่ใช่ถึงแก่กรรมพ.ศ. ๒๓๙๘ อายุ ๖๙ ปี ตามที่ว่ากัน  สุนทรภู่บวชอยู่จนตลอดรัชกาลที่ ๓ รวม ๒๘ พรรษา  ไม่เคยสึกแล้วบวชอีกตามว่ากัน หลักฐานเรื่องนี้อยู่ที่นิราศพระแท่นดงรังของเณรกลั่น  ลูกบุญธรรมและลูกศิษย์สุนทรภู่ เขียนยืนยันไว้ในนิราศพระแท่นดงรังว่า  สุนทรภู่เดินทางไปด้วยเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๓๘๘

     สรุปว่างานกวีนิพนธ์ของสุนทรภู่มี ๒๑ เรื่องคือ 
     ๑.นิยายคำกลอนเรื่องโคบุตร  แต่งเมื่อพ.ศ.๒๓๔๙ อายุ ๒๐ ปี แต่งถวายพระองค์เจ้าปฐมวงศ์  พระราชโอรสของกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข 
     ๒. นิราศเมืองแกลง แต่งเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๓๕๐  อายุ ๒๑ ปี แต่งให้นางจันทร์ คนรัก 
     ๓. นิราศพระพุทธบาท แต่งเมื่อ เดือนกุมภาพันธุ์ พ.ศ.๒๓๕๐ อายุ ๒๑ ปีแต่งให้นางจันทร์คนรัก 
     ๔.พระอภัยมณี แต่งเมื่อพ.ศ.๒๓๖๗  แต่งถวายเจ้าฟ้าชายมงกุฎและเจ้าฟ้าชายจุฑามณี  เพื่อถวายพระโอวาทให้พระสติปัญญาและกำลังใจที่พลาดจากราชสมบัติ 
     ๕. เพลงยาวสวัสดิรักษา แต่งถวายเจ้าฟ้าชายจุฑามณี ด้วยจงรักภักดีในในเจ้าฟ้าชายองค์นี้มาก ด้วยหวังว่าจะได้ขึ้นครองราชสมบัติต่อจากรัชกาลที่ ๓ 
     ๖. เพลงยาวถวายโอวาท แต่งถวายเจ้าฟ้าชายกลาง มหามาลาและเจ้าฟ้าอาภรณ์  ซึ่งเป็นศิษย์เมื่ออยู่วัดราชบูรณะ พ.ศ. ๒๓๗๐
     ๗. นิราศเมืองเพชร แต่งถวายเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เมื่อพ.ศ.๒๓๗๐ เมื่อคราวเดินทางไปหาของดีถวายที่เมืองเพชร  เจ้าฟ้าชายองค์นี้ท่านสนพระทัยสนุกไปทางนี้  ในนิราศนี้ยังกล่าวถึงขุนแพ่งว่าตายเมื่อคราวศึกลาวพ.ศ.๒๓๖๙ สุนทรภู่บวชอยู่ที่วัดพระเชตุพน  ลงเรือที่หน้าวัดนี้ บอกว่าได้บังสกุลให้ขุนแพ่งด้วย โดยบังสกุลให้ด้วยตนเองเพราะเป็นพระภิกษุ อายุ ๔๑ ปีอยู่ในอุปถัมภ์ของกรมขุนอิศเรศรังสรรค์ 
     ๘. นิราศภูเขาทอง แต่งเมื่อพ.ศ.๒๓๗๑  เมื่อบวชอยู่วัดราชบูรณะ  กล่าวถึงวัดเขมาว่ามีงานฉลองเมื่อวันวาน   วัดนี้มีงานฉลองปีพ.ศ.๒๓๗๑  อายุ๔๒ปี
     ๙. นิราศสุพรรณ แต่งเมื่อพ.ศ.๒๓๘๔  อายุได้ ๕๕ ปีแต่งถวายกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ 
   ๑๐. เพลงยาวรำพรรณพิลาป แต่งถวายกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพเมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๘๕  เป็นเพลงยาวเกี้ยวเจ้านายสาวสวยพระองค์นี้โดยตรง 
     ๑๑.นิราศพระปธม  เดินทางไปนมัสการพระปฐมเจดีย์เมื่อวันที่๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๓๘๕  หลังจากแต่งเพลงยาวรำพรรณพิลาปได้ ๖ เดือน  แต่งถวายกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ เป็นการขอขมาที่บังอาจแต่งเพลงยาวรำพรรณพิลาปเกี้ยวพาราสีท่านไว้  เป็นนิราศเรื่องสุดท้ายของสุนทรภู่ หลังจากนี้สุนทรภู่ก็ไม่แต่งนิราศอีกเลย  เพราะกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ สิ้นพระชนม์เมื่อ วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๓๘๘  พระชนมายุได้ ๓๔ พรรษา  สุนทรภู่ก็สิ้นสิ่งดลใจทางการกวี  สิ้นความเพ้อฝันที่จะแต่งนิราศรักอีกต่อไป
     ๑๒. สุภาษิตโลกนิติคำกลอน  แต่งเมื่อบวชอยู่วัดสระเกศ  ระหว่างพ.ศ.๒๓๘๖ ถึงพ.ศ.๒๓๙๓ เป็นสุภาษิตสอนเด็ก  สุนทรภู่อายุ ๕๗ ถึง ๖๔ ปี
     ๑๓. เพลงยาวพระราชพงศาวดาร  แต่งถวายรัชกาลที่ ๔ เมื่อรับราชการอยู่วังหน้า  ระหว่างพ.ศ.๒๓๙๔ ถึงพ.ศ.๒๓๙๘ อายุ ๖๕ ถึง ๗๐ ปี  ไม่มีอารมณ์กวีแฝงอยู่เลย  จึงมีผู้กล่าวว่าไม่ค่อยไพเราะ 
     ๑๔. เพลงเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน  แต่งถวายกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ให้นางกำนัล นางข้าหลวงในวังขับเสภากันเล่น ในรัชกาลที่ ๓ ระหว่าง พ.ศ.๒๓๘๑ ถึงพ.ศ. ๒๓๘๕ แบบที่พระมหามนตรีแต่งบทละครตลกเรื่อง ระเด่นลันได ถวายให้นางข้าหลวงเล่นละครตลกกันในวัง  เพลงเสภาของสุนทรภู่สู้ของครูแจ้ง วัดระฆัง ไม่ได้ เพราะสุนทรภู่สมาคมอยู่ในชั้นเจ้านายซึ่งเป็นผู้ดีชั้นสูง รสชาติจึงไม่ถึงใจคนฟังผิดธรรมเนียมเพลงเสภาที่ต้องว่ากันเจ็บแสบถึงทรวง  อย่างละครตลกของพระมหามนตรีเรื่องละเด่นลันได 

     ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าคนที่จะรู้ฝีมือกวีต้องเป็นนักกวีด้วยกัน  แต่งบทกลอนเป็นและแต่งได้อย่างชำนาญด้วย  เหมือนคนที่รู้รสดนตรีต้องเป็นนักดนตรีด้วยกัน 
(โปรดติดตามตอนต่อไป)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น