ชีวิตรักสุนทรภู่
การเขียนประวัติสุนทรภู่ ถ้าไม่ได้เขียนเรื่องชีวิตรักของสุนทรภู่ ก็เกือบว่าจะไม่สมบรูณ์เป็นประวัติสุนทรภู่ เพราะชีวิตสุนทรภู่เป็นชีวิตนักรักนักเลงเจ้าชู้ เป็นกวีมีชื่อก็เพราะเป็นนักเลงรักนี่แหละ สุนทรภู่เป็นศิลปิน เป็นนักรัก แม้เมียเขาก็อดรักไม่ได้ ท่านพรรณนาไว้ในนิราศสุพรรณว่า "งิ้วกับพี่มิแคล้ว ขึ้นงิ้ว ลิ่วสูง"
สุนทรภู่มีคนรักหลายคนที่กล่าวไว้ในนิราศต่างๆ ของท่าน รวมทั้งเพลงยาวรำพรรณพิลาป มีดังต่อไปนี้
๑. นางจันทร์ หญิงคนรักคนแรกที่รักและหลงใหลมาก มีบุตรด้วยกันคนหนึ่งชื่อ นายพัด เมื่อพ.ศ.๒๓๖๑ แล้วก็แยกทางกัน สุนทรภู่จึงประพันธ์ไว้ในนิราศเมืองแกลง นิราศพระบาท และนิราศสุพรรณ แต่ตอนไปนครปฐม พ.ศ.๒๓๘๕ ว่าตายเสียแล้ว ทำศพที่วัดระฆัง "วัดระฆังต้ังแต่เสร็จสำเร็จศพ ไม่พานพบภคินีเจ้าพี่เอ๋ย" ตอนนี้พรรณนาถึงนางจันทร์ ไม่ใช่พรรณนาถึงเจ้านายผู้หญิงในวังหลัง ในนิราศสุพรรณก็พรรณนาว่า
๐ ยลบ้านบุต้ัง ตีขัน
ขุกคิดเคยชมจันทร์ แจ่มฟ้า
ยามยากหากปันกัน กินซึกฉลีกแฮ
มีคู่ชูชื่นหน้า นุชปลื้มลืมเดิม ฯ
๒. นางนิ่ม ชาวบางกรวย ภรรยาคนที่สอง มารดานายตาบ เมื่อไปสุพรรณบุรี นางนิ่มตายแล้ว
๐ บางกรวยกรวดน้ำแบ่ง บุญทาน
ส่งนิ่มนุชนิพพาน ผ่องแผ้ว
จำพลัดพรากจากสถาน ทิ้งพี่หนีเอย
เห็นแต่คลองน้องแคล้ว คลาดเขลื้อนเดือนปี ฯ
๓. นางกลิ่น คนรักอีกคนหนึ่ง พรรณนาไว้ในนิราศสุพรรณ
๐ รวยรินกลิ่นสไบทราม สวาสดิ์ร่วง ทรวงเอย
สูญกลิ่นสิ้นกลอนพร้อง เพราะเจ้า เบาใจ ฯ
๐ เชิญทราบกาพย์กลกลอน กล่าวกลิ่น ถวิลเอย
จำขาดชาตินี้แคล้ว คลาดน้อง ของสงวน ฯ
๔. นางนก คนรักต้ังแต่รุ่นหนุ่ม สมัยเป็นนักการรังวัดสวน อยู่แถววัดชีปะขาว พรรณนาไว้ในนิราศสุพรรณว่า
๐ วัดแจ้งแต่งตึกตั้ง เตียงนอน
เคยปกนกน้อยคอน คู่พร้อง
เคยลอบตอบสารสมร สมานสมัคร รักเอย
จำพรากจากนุชน้อง นกน้อยลอยลม ฯ
๕. นางสร้อย คนรักต้ังแต่รุ่นหนุ่ม อยู่วัดชีปะขาว เป็นเสมียนรังวัดที่ดินของกรมพระราชวังหลัง พรรณนาไว้ในนิราศสุพรรณว่า
๐ วัดชีปะขาวคราวรุ่นรู้ เรียนเขียน
ทำสูตรสอนเสมียน สมุดน้อย
เดินระวางระวังเวียน หว่างวัด ปะขาวเอย
เคยชื่นกลืนกลิ่นสร้อย สวาทห้างกลางสวน ฯ
๖. นางกลิ่น คนรักคนหนึ่งอยู่แถวบางบำหรุ พรรณนาไว้ในนิราศสุพรรณว่า
๐ บางบำหรุบำรุงแก้ว กานดา
แก้วเนตรเชษฐาชรา ร่างแล้ว
ถือบวชกรวดน้ำพา พบชาติอื่นเอย
ในชาตินี้พี่แคล้ว คลาดค้างห่างสมร ฯ
๐ บางระมาดมิ่งมิตรมิ่ง คราวงาน
บอกบทบุญยังพยาน พยักหน้า
ประทุนประดิษฐาน แท่นฮ่องหอเอย
แหวนประดับกับผ้า พี่อ้างรางวัล ฯ
๗. นางม่วง ภรรยาของสุนทรภู่ น่าจะมีบุตรด้วยกันชื่อนิล นางม่วงนี้ถ้าจะเป็นบุตรสาวขุนนางท่านผู้ใหญ่อยู่ จึงเรียกว่า หม่อมม่วง สุนทรภู่พรรณนาถึงนางม่วงไว้ว่า
๐ บางม่วงทรวงเศร้าคิด เคยชวน
ม่วงเก็บมะม่วงสวน สุดระย้า
ม่วงอื่นรื่นรัญจวน จิตไม่ ใคร่แฮ
ม่วงหม่อมหอมหวนหน้า เช่นเนื้อ นวลจันทร์ ฯ
๘. นางน้อย เป็นคนรักอีกคนหนึ่ง เอ่ยชื่อไว้ในนิราศสุพรรณว่า
๐ บางน้อยพลอยนึกน้อย น้องเอย
น้อยแนบแอบอกเอย คู่เคล้า
เนื้อน้อยคอยถนอมเชย เชือนชื่นอื่นแม่
น้อยแต่ชื่อฤาเจ้า จิตน้อย ลอยลม ฯ
๙. นางงิ้ว ชู้รักคนหนึ่งของสุนทรภู่ น่าจะมีสามีแล้ว เพราะสุนทรภู่นึกถึงนางงิ้วนี้แล้วก็ว่า คงไม่แคล้วต้องขึ้นต้นงิ้วเมื่อม้วยมรณา
๐ ยามยลต้นงิ้วป่า หนาหนาม
นึกบาปวาบวับหวาม วุ่นแล้ว
คงจะปะงิ้วทราม สวาทเมื่อ ม้วยแฮ
งิ้วกับพี่มิแคล้ว คี่นงิ้ว ลิ่วสูง ฯ
๑๐. นางบัวคำ เป็นสาวชาวเวียงจันทร์ อพยพมาคร้ังศึกเจ้าอนุวงศ์ เวียงจันทร์ พ.ศ.๒๓๖๙ มาอยู่แถวบางคูเวียง เมื่อไปสุพรรณบุรีผ่านบ้านบางบัว สุนทรภู่ก็พรรณนาถึงนางบัวคำคนนี้ว่า
๐ บางบัวบ้านชื่อพร้อง สนองนำ
นึกเช่นเห็นบัวคำ ชื่อพร้อง
ข้าวเหนียวเกี่ยวมาทำ แทนเค่าเจ้าเอย
คราวเคราะห์เพราะเกี่ยวข้อง ขัดค้างขวางเชิง ฯ
๑๑. นางม่วง หลานสาวที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง
๑๒.นางคำ หลานสาวที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง
สุนทรภู่รำพรรณไว้ในนิราศเมืองแกลงว่า
๐ ทุกเช้าเย็นเห็นแต่หลานที่บ้านกร่ำ
ม่วงกับคำกลอยจิตขนิษฐา
เห็นเจ็บปวดนวดเฟ้นช่วยฝนยา
ตามประสาซื่อตรงเป็นวงศ์วาน
๐ อย่าเศร้าสร้อยคอยพี่พอปีหน้า
จึงจะมาทำขวัญเหมือนมั่นหมาย
ไม่ทิ้งขว้างห่างให้เจ้าได้อาย
จงครองกายแก้วตาอย่าอาวรณ์
๑๓. นางทองมี สาวชาวเมืองเพชรบุรี
๑๔. นางอิน สาวชาวเมืองเพชรบุรีอีกคนหนึ่ง พบกันเมื่อคราวพ.ศ. ๒๓๗๐ คงอยู่ข้างวัดเกต
๐ ที่ไหนไหนไมตรียังดีสิ้น
เว้นแต่อินวัดเกตของเชษฐา
ช่างตัดญาติขาดเด็ดไม่เมตตา
พอเห็นหน้าน้องก็เบือนไม่เหมือนเคย
๑๕.นางบุญมา สาวชาวเมืองเพชร สุนทรภู่มีแฟนสาวชาวเพชรบุรีมาก พรรณนาไว้ว่า
๐ จะแทนคุณบุญมาประสายาก
ต้องกระดากดังหนึ่งศรกระดอนกลับ
ได้ฝากแต่แพรผ้ากับบ้าทรัพย์
ไว้สำรับหนึ่งนั้นทำขวัญน้อง
๑๖.นางขำ สาวชาวเมืองเพชร
๐ แค้นแต่ขำกรรมอะไรไฉนน้อง
เฝ้าท้องท้องทุกปีไม่มีเหมือน
ช่างกระไรใจจิตไม่บิดเบือน
จะไปเยือนเล่าก็รู้ว่าอยู่ไฟ
๑๗. นางลูกจันทน์ สาวชาวเมืองเพชร ไปเมืองเพชรเมื่อปี ๒๓๖๐ ไปเที่ยวเขาหลวง รำพรรณถึงความหลังว่า
๐แล้วเดินดูภูผาศิลาเลื่อม บ้างงอกเงื้อมเงาระยับสลับสี
เป็นห้องน้อยรอยลายหนังสือมี คิดถึงปีเป็นบ้าเคยมานอน
ชมลูกจันทน์กลั่นกลิ่นระรินรื่ จนเที่ยงคืนแขนซ้ายกลายเป็นหมอน
เห็นห้องหินศิลายิ่งอาวรณ์ เคยกล่าวกลอนข้าโอ้ชาตรี
๑๘. ดอกฟ้า หรือ แก้วฟ้า หมายถึง พระองค์เจ้าหญิงวิลาศ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ เป็นคนที่สุนทรภู่แอบหลงรักอยู่ข้างเดียว ได้แต่งเพลงยาวไปถวายยืดยาว โดยพรรณนาไว้ว่า
๐ ถึงคลองร้องเรียกบ้าน บางหลวง
รำลึกนึกถึงดวง ดอกฟ้า
เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวทรวง แสนเทวษ ทุเรศเอย
อุ้มรักหนักอกถ้า เทียบเถ้าเขาหลวง ฯ
๐ ตลาดแก้วแถวถิ่นจระเข้ คนขาม
ตลิ่งตลอดแต่ล้วนหนาม สนับหญ้า
แก้วอื่นหมื่นแสนทราม สู้สละ ปะเอย
รักแต่แก้วแววฟ้า จะเฝ้าเคล้าถนอม ฯ
คนรักของสุนทรภู่ที่กล่าวนามนี้ กล่าวตามหลักฐานถ้อยคำของสุนทรภู่เอง ไม่ใช่เดาเอา บางคนเป็นภรรยา เช่น นางจันทร์ นางนิ่ม นางถวิล มีบุตรคนละคน นางจันทร์มีบุตรคือนายพัด นางนิ่มมีบุตรคือนายตาบ นางม่วงมีบุตรคือนายนิล
สุนทรภู่มีคนรักหลายคนที่กล่าวไว้ในนิราศต่างๆ ของท่าน รวมทั้งเพลงยาวรำพรรณพิลาป มีดังต่อไปนี้
๑. นางจันทร์ หญิงคนรักคนแรกที่รักและหลงใหลมาก มีบุตรด้วยกันคนหนึ่งชื่อ นายพัด เมื่อพ.ศ.๒๓๖๑ แล้วก็แยกทางกัน สุนทรภู่จึงประพันธ์ไว้ในนิราศเมืองแกลง นิราศพระบาท และนิราศสุพรรณ แต่ตอนไปนครปฐม พ.ศ.๒๓๘๕ ว่าตายเสียแล้ว ทำศพที่วัดระฆัง "วัดระฆังต้ังแต่เสร็จสำเร็จศพ ไม่พานพบภคินีเจ้าพี่เอ๋ย" ตอนนี้พรรณนาถึงนางจันทร์ ไม่ใช่พรรณนาถึงเจ้านายผู้หญิงในวังหลัง ในนิราศสุพรรณก็พรรณนาว่า
๐ ยลบ้านบุต้ัง ตีขัน
ขุกคิดเคยชมจันทร์ แจ่มฟ้า
ยามยากหากปันกัน กินซึกฉลีกแฮ
มีคู่ชูชื่นหน้า นุชปลื้มลืมเดิม ฯ
๒. นางนิ่ม ชาวบางกรวย ภรรยาคนที่สอง มารดานายตาบ เมื่อไปสุพรรณบุรี นางนิ่มตายแล้ว
๐ บางกรวยกรวดน้ำแบ่ง บุญทาน
ส่งนิ่มนุชนิพพาน ผ่องแผ้ว
จำพลัดพรากจากสถาน ทิ้งพี่หนีเอย
เห็นแต่คลองน้องแคล้ว คลาดเขลื้อนเดือนปี ฯ
๓. นางกลิ่น คนรักอีกคนหนึ่ง พรรณนาไว้ในนิราศสุพรรณ
๐ รวยรินกลิ่นสไบทราม สวาสดิ์ร่วง ทรวงเอย
สูญกลิ่นสิ้นกลอนพร้อง เพราะเจ้า เบาใจ ฯ
๐ เชิญทราบกาพย์กลกลอน กล่าวกลิ่น ถวิลเอย
จำขาดชาตินี้แคล้ว คลาดน้อง ของสงวน ฯ
๔. นางนก คนรักต้ังแต่รุ่นหนุ่ม สมัยเป็นนักการรังวัดสวน อยู่แถววัดชีปะขาว พรรณนาไว้ในนิราศสุพรรณว่า
๐ วัดแจ้งแต่งตึกตั้ง เตียงนอน
เคยปกนกน้อยคอน คู่พร้อง
เคยลอบตอบสารสมร สมานสมัคร รักเอย
จำพรากจากนุชน้อง นกน้อยลอยลม ฯ
๕. นางสร้อย คนรักต้ังแต่รุ่นหนุ่ม อยู่วัดชีปะขาว เป็นเสมียนรังวัดที่ดินของกรมพระราชวังหลัง พรรณนาไว้ในนิราศสุพรรณว่า
๐ วัดชีปะขาวคราวรุ่นรู้ เรียนเขียน
ทำสูตรสอนเสมียน สมุดน้อย
เดินระวางระวังเวียน หว่างวัด ปะขาวเอย
เคยชื่นกลืนกลิ่นสร้อย สวาทห้างกลางสวน ฯ
๖. นางกลิ่น คนรักคนหนึ่งอยู่แถวบางบำหรุ พรรณนาไว้ในนิราศสุพรรณว่า
๐ บางบำหรุบำรุงแก้ว กานดา
แก้วเนตรเชษฐาชรา ร่างแล้ว
ถือบวชกรวดน้ำพา พบชาติอื่นเอย
ในชาตินี้พี่แคล้ว คลาดค้างห่างสมร ฯ
๐ บางระมาดมิ่งมิตรมิ่ง คราวงาน
บอกบทบุญยังพยาน พยักหน้า
ประทุนประดิษฐาน แท่นฮ่องหอเอย
แหวนประดับกับผ้า พี่อ้างรางวัล ฯ
๗. นางม่วง ภรรยาของสุนทรภู่ น่าจะมีบุตรด้วยกันชื่อนิล นางม่วงนี้ถ้าจะเป็นบุตรสาวขุนนางท่านผู้ใหญ่อยู่ จึงเรียกว่า หม่อมม่วง สุนทรภู่พรรณนาถึงนางม่วงไว้ว่า
๐ บางม่วงทรวงเศร้าคิด เคยชวน
ม่วงเก็บมะม่วงสวน สุดระย้า
ม่วงอื่นรื่นรัญจวน จิตไม่ ใคร่แฮ
ม่วงหม่อมหอมหวนหน้า เช่นเนื้อ นวลจันทร์ ฯ
๘. นางน้อย เป็นคนรักอีกคนหนึ่ง เอ่ยชื่อไว้ในนิราศสุพรรณว่า
๐ บางน้อยพลอยนึกน้อย น้องเอย
น้อยแนบแอบอกเอย คู่เคล้า
เนื้อน้อยคอยถนอมเชย เชือนชื่นอื่นแม่
น้อยแต่ชื่อฤาเจ้า จิตน้อย ลอยลม ฯ
๙. นางงิ้ว ชู้รักคนหนึ่งของสุนทรภู่ น่าจะมีสามีแล้ว เพราะสุนทรภู่นึกถึงนางงิ้วนี้แล้วก็ว่า คงไม่แคล้วต้องขึ้นต้นงิ้วเมื่อม้วยมรณา
๐ ยามยลต้นงิ้วป่า หนาหนาม
นึกบาปวาบวับหวาม วุ่นแล้ว
คงจะปะงิ้วทราม สวาทเมื่อ ม้วยแฮ
งิ้วกับพี่มิแคล้ว คี่นงิ้ว ลิ่วสูง ฯ
๑๐. นางบัวคำ เป็นสาวชาวเวียงจันทร์ อพยพมาคร้ังศึกเจ้าอนุวงศ์ เวียงจันทร์ พ.ศ.๒๓๖๙ มาอยู่แถวบางคูเวียง เมื่อไปสุพรรณบุรีผ่านบ้านบางบัว สุนทรภู่ก็พรรณนาถึงนางบัวคำคนนี้ว่า
๐ บางบัวบ้านชื่อพร้อง สนองนำ
นึกเช่นเห็นบัวคำ ชื่อพร้อง
ข้าวเหนียวเกี่ยวมาทำ แทนเค่าเจ้าเอย
คราวเคราะห์เพราะเกี่ยวข้อง ขัดค้างขวางเชิง ฯ
๑๑. นางม่วง หลานสาวที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง
๑๒.นางคำ หลานสาวที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง
สุนทรภู่รำพรรณไว้ในนิราศเมืองแกลงว่า
๐ ทุกเช้าเย็นเห็นแต่หลานที่บ้านกร่ำ
ม่วงกับคำกลอยจิตขนิษฐา
เห็นเจ็บปวดนวดเฟ้นช่วยฝนยา
ตามประสาซื่อตรงเป็นวงศ์วาน
๐ อย่าเศร้าสร้อยคอยพี่พอปีหน้า
จึงจะมาทำขวัญเหมือนมั่นหมาย
ไม่ทิ้งขว้างห่างให้เจ้าได้อาย
จงครองกายแก้วตาอย่าอาวรณ์
๑๓. นางทองมี สาวชาวเมืองเพชรบุรี
๑๔. นางอิน สาวชาวเมืองเพชรบุรีอีกคนหนึ่ง พบกันเมื่อคราวพ.ศ. ๒๓๗๐ คงอยู่ข้างวัดเกต
๐ ที่ไหนไหนไมตรียังดีสิ้น
เว้นแต่อินวัดเกตของเชษฐา
ช่างตัดญาติขาดเด็ดไม่เมตตา
พอเห็นหน้าน้องก็เบือนไม่เหมือนเคย
๑๕.นางบุญมา สาวชาวเมืองเพชร สุนทรภู่มีแฟนสาวชาวเพชรบุรีมาก พรรณนาไว้ว่า
๐ จะแทนคุณบุญมาประสายาก
ต้องกระดากดังหนึ่งศรกระดอนกลับ
ได้ฝากแต่แพรผ้ากับบ้าทรัพย์
ไว้สำรับหนึ่งนั้นทำขวัญน้อง
๑๖.นางขำ สาวชาวเมืองเพชร
๐ แค้นแต่ขำกรรมอะไรไฉนน้อง
เฝ้าท้องท้องทุกปีไม่มีเหมือน
ช่างกระไรใจจิตไม่บิดเบือน
จะไปเยือนเล่าก็รู้ว่าอยู่ไฟ
๑๗. นางลูกจันทน์ สาวชาวเมืองเพชร ไปเมืองเพชรเมื่อปี ๒๓๖๐ ไปเที่ยวเขาหลวง รำพรรณถึงความหลังว่า
๐แล้วเดินดูภูผาศิลาเลื่อม บ้างงอกเงื้อมเงาระยับสลับสี
เป็นห้องน้อยรอยลายหนังสือมี คิดถึงปีเป็นบ้าเคยมานอน
ชมลูกจันทน์กลั่นกลิ่นระรินรื่ จนเที่ยงคืนแขนซ้ายกลายเป็นหมอน
เห็นห้องหินศิลายิ่งอาวรณ์ เคยกล่าวกลอนข้าโอ้ชาตรี
๑๘. ดอกฟ้า หรือ แก้วฟ้า หมายถึง พระองค์เจ้าหญิงวิลาศ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ เป็นคนที่สุนทรภู่แอบหลงรักอยู่ข้างเดียว ได้แต่งเพลงยาวไปถวายยืดยาว โดยพรรณนาไว้ว่า
๐ ถึงคลองร้องเรียกบ้าน บางหลวง
รำลึกนึกถึงดวง ดอกฟ้า
เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวทรวง แสนเทวษ ทุเรศเอย
อุ้มรักหนักอกถ้า เทียบเถ้าเขาหลวง ฯ
๐ ตลาดแก้วแถวถิ่นจระเข้ คนขาม
ตลิ่งตลอดแต่ล้วนหนาม สนับหญ้า
แก้วอื่นหมื่นแสนทราม สู้สละ ปะเอย
รักแต่แก้วแววฟ้า จะเฝ้าเคล้าถนอม ฯ
คนรักของสุนทรภู่ที่กล่าวนามนี้ กล่าวตามหลักฐานถ้อยคำของสุนทรภู่เอง ไม่ใช่เดาเอา บางคนเป็นภรรยา เช่น นางจันทร์ นางนิ่ม นางถวิล มีบุตรคนละคน นางจันทร์มีบุตรคือนายพัด นางนิ่มมีบุตรคือนายตาบ นางม่วงมีบุตรคือนายนิล
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น