วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ชีวประวัติพระสุนทรโวหาร (ภู่ ภู่เรือหงส์) ตอนที่ ๑๓ บทละครเรื่องอภัยนุราช


บทละครเรื่องอภัยนุราช

     สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระราชนิพนธ์เรื่องชีวิตและงานของสุนทรภู่ไว้ตั้งแต่พ.ศ.๒๔๖๙  ทรงบอกไว้ว่าสุนทรภู่แต่งบทละครไว้เรื่องหนี่ง คือเรื่องอภัยนุราช บทละครเรื่องนี้มีคนสงสัยกันมานานแล้วว่า ไม่น่าจะเป็นบทกลอนของสุนทรภู่  เพราะถ้อยคำสำนวนไม่ถึงขั้น  ข้าพเจ้าก็ออกจะเห็นด้วยว่าไม่ใช่คำกลอนสุนทรภู่เหมือนกัน  ด้วยนึกในใจว่าสุนทรภู่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับการเล่นละครเป็นเจ้าของละคร หรือมีความรู้ทางการเล่นละครเกี่ยวกับบทละครที่เล่นน้ันๆด้วย  ท่านจึงไม่น่าจะแต่งบทละคร  ที่แต่งเรื่องสังข์ทองนั้นก็แต่งร่วมกับกวีคนอื่นๆต่อหน้าพระที่นั่ง เป็นการแต่งแก้ถ้อยคำบางบทบางตอนเท่านั้น ท่านไม่ได้แต่งบทละครทั้งเรื่องเลย  ทำไมจึงมาแต่งบทละครเรื่องอภัยนุราช  แล้วยังต้ังชื่อว่าอภัยนุราชเสียอีก ก็ท่านแต่งนิยายคำกลอนเรื่องยาวไว้แล้วชื่อพระอภัยมณี  ถ้าท่านจะแต่งบทละครอีกสักเรื่อง ก็น่าจะใช้ชื่ออื่น  เรื่องพระอภัยมณีนี้ท่านสุนทรภู่แต่งถวายเจ้าฟ้าสององค์ ซึ่งสุนทรภู่จงรักภักดีอยู่ สุนทรภู่คาดหมายไว้ว่าเจ้าฟ้าสององค์นี้่จะได้ขึ้นครองราชสมบัติต่อจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยคือ  เจ้าฟ้าชายมงกุฎ ประสูติเมื่อวันที่๑๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๓๔๗ และเจ้าฟ้าจุฑามณีประสูติเมื่อวันที่๔ กันยายน พ.ศ.๒๓๕๑ ทั้งสองพระองคฺ์นี้ประสูติภายใต้พระมหาเศวตฉัตร มีสิทธิ์ในราชสมบัติที่จะได้ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ ๓ ต่อไป  แต่ในปีพ.ศ.๒๓๖๗ พระจอมเกล้าฯมีอายุครบบวชจึงได้เข้าอุปสมบท และในปีน้ันเองพระพุทธเลิศหล้านภาลัยก็เสด็จสวรรคตพอดีเสียด้วย เจ้านายขุนนางประชุมกันถวายพระราชสมบัติให้พระองค์เจ้าทัพ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ขึ้นครองราชสมบัติเป็นรัชกาลที่ ๓ สุนทรภู่ซึ่งจงรักภักดีในเจ้านายสองพระองค์นี้ จึงหนีราชการออกบวชด้วยเกรงพระบารมีพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เพราะเมื่อรัชกาลที่ ๒ นั้นสุนทรภู่มิได้คาดว่าพระองค์เจ้าชายทัพจะได้ครองราชสมบัติ จึงทำการข้ามกรายมิได้เคารพเกรงพระทัยเลย  เมื่อผิดคาดเช่นน้้น สุนทรภู่จึงแต่งนิยายคำกลอนขึ้นถวายเจ้าฟ้าทั้งสองพระองค์นั้น สมมุติให้เจ้าฟ้ามงกุฎเป็นพระอภัยมณี  ไปเรียนวิชาเป่าปี่ เปรียบเหมือนเจ้าฟ้ามงกุฎที่ไปศึกษาพระธรรมวินัยสำหรับสั่งสอนชาวโลกเหมือนวิชาเป่าปี่กล่อมชาวโลก  เจ้าฟ้าจุฑามณีนั้นเล่าก็เอาแต่จะเรียนวิชาดนตรี ไม่สนใจเรียนวิชาการปกครอง เหมือนศรีสุวรรณเรียนวิชากระบี่กระบอง  พระบิดาจึงไม่มอบให้ครองราชสมบัติ 

     เรื่องอภัยนุราชที่เคยสงสัยว่าไม่ใช่ของสุนทรภู่น้ัน  ต่อมาจึงได้พบหลักฐานว่าพระยาเสนาภูเบศร์(ใส สโรบล)  เป็นผู้แต่งไว้โดยกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ (น.ม.ส) ได้ทรงนิพนธ์ไว้ในคำนำบทละครเรื่องเทพวิไลว่า 
     " พระยาเสนาภูเบศร์ ได้แต่งบทละครไว้หลายเรื่อง แต่พระยาสโรบลบดี(บุตร) ว่าถูกปลวกกัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยรวมไม่ติด ที่เหลืออยู่เป็นเรื่องใหญ่ คือเรื่องเทพวิไลเรื่องหนึ่ง เรื่องวิเชียรสุริวงศ์เรื่องหนี่ง  บุตรภรรยาพระยาเสนาภูเบศร์กล่าวว่า เรื่องอภัยนุราชเรื่องหนึ่ง (หนังสืออภัยนุราชนี้ บาญชีหนังสือในหอสมุดสำหรับพระนครว่า สุนทรภู่แต่ง)  เรื่องเทพวิไลนี้แต่งสำหรับเล่นละครให้คนดู แลคนดูเห็นจะเป็นคนบ้านนอก เพราะพระยาเสนาภูเบศร์ไปตั้งเล่นละครอยู่มณฑลราชบุรี  การแต่งบทละครเช่นนี้ไม่ใช่แต่งอย่างพิถีพิถันเหมือนกลอนที่แต่งให้คนอ่าน   ถ้าแต่งกลอนดีนัก คนดูละครบ้านนอกก็ฟังไม่เข้าใจ ถ้าผูกเรื่องให้นักปราชญ์ชม คนดูก็ดูไม่ออก  อนึ่งการแต่งบทละครเช่นน้ันในสมัยโน้น เหมือนหุงข้าวกรอกหม้อ เป็นการแต่งไปซ้อมไป เล่นออกโรงไป  ผู้แต่งไม่ระวังศัพท์แสง กลัวนักปราชญ์จะติ ผู้อ่านไม่ควรมุ่งหมายว่าจะได้อ่านกลอนอย่างเอก" 

     นี่แหละคือหลักฐานที่ว่าบทละครเรื่องอภัยนุราช ไม่ใช่ของสุนทรภู่เป็นของพระยาเสนาภูเบศร์ (ใส สโรบล)  ท่านแต่งให้คนดูละครที่บ้านนอก  บทกลอนจึงเป็นสำนวนคนบ้านนอก  ไม่ใช่นิยายกลอนอย่างสุนทรภู่ สำนวนกลอนจึงแตกต่างกัน  จึงจำเป็นต้องตัดบทละครเรื่องอภัยนุราชจากบทกวีของสุนทรภู่อีกเรื่องหนึ่ง 
(โปรดติดตามตอนต่อไป)